การเกษตรว่าด้วยเรื่องมะละกอ
มะละกอเป็นไม้ผลไม้ที่รับประทานได้ทั้งผลดิบ เช่น นำมาทำส้มตำ แกง หรือกินเล่นได้เลย ผลสุกสามารถปอกแล้วรับประทานได้เลย หรือนำไปทำเป็นน้ำผลไม้ มีรสชาติหวานหอมมีปริมาณวิตามินเอและแคลเซียมสูง ตลาดของมะละกอนอกจากจะบริโภคภายในประเทศแล้วยังสามารถส่งไปจำหน่ายตลาดต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
ประโยชน์ของมะละกอ
มะละกอเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ทางยามากมาย เช่น ใบมะละกอสดนำมาย่างไฟและนำมาประคบช่วยแก้อาการปวดบวมได้ ใบใช้ต้มกินเพื่อขับปัสสาวะ เมล็ดต้มกินเพื่อขับพยาธิ ขับประจำเดือน ส่วนยางมะละกอแก่พิษตะขาบกัดแมลงสัตว์กัดต่อย รวมไปถึงช่วยหมักเนื้อให้นุ่มได้อีกด้วย ส่วนผลสุก อุดมไปด้วยวิตามินเอ บี 1 บี 2 แคลเซียม และที่สำคัญคือ สารเบต้าแคโรทีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงและทำให้ผิวพรรณดียิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยชะลอความแก่ และริ้วรอยก่อนวัยอันควร แถมยังช่วยบำรุงอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย แก้กระหายน้ำ บำรุงโลหิต บำรุงระบบประสาท บำรุงสายตา และที่สำคัญ มะละกอสุกนั้นช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี แก้ท้องผูก ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ด้วย
ลักษณะทั่วไปของมะละกอ
มะละกอเป็นไม้ผลล้มลุกขนาดกลาง โดยปกติจะมีความสูงระหว่าง 5 ถึง 20 ฟุต ลำต้นมีลักษณะอวบน้ำ มะละกอเป็นพืชเกษตรที่ปลูกปลูกง่ายโตเร็ว ให้ผลเร็ว ให้ผลได้ตลอดทั้งปี เหมาะสำหรับการทำการเกษตรเพื่อเป็นธุรกิจหรือปลูกเพื่อบริโภคโดยทั่วไปมะละกอเป็นพืชที่ไม่ค่อยมีแมลงรบกวน และทำการเกษตรได้ดีในดินทั่วไป แต่ต้องเป็นดินที่มีการระบายน้ำดี ไม่มีน้ำขัง เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีมีอินทรีย์วัตถุมากพอสมควร และมีหน้าดินลึกไม่น้อยกว่า 1 เมตร ดอกจะออกเมื่อมีอายุ 130 ถึง 150 วัน(เพาะปลูกด้วยเมล็ด) สามารถให้ผลผลิต 3 ถึง 4 ปี ในกรณีที่ไม่มีโรคหรือแมลงมาทำลาย สามารถเก็บเกี่ยวผลดิบได้เมื่ออายุ 3 ถึง 4 เดือน และเก็บเกี่ยวผลสุกได้เมื่ออายุ 5 ถึง 6 เดือนหลังดอกมะละกอบาน ถ้าทำการเกษตร 1 ต้น จะสามารถให้ผลผลิต 25 ถึง 30 กิโลกรัม ต่อปี หรือ 2,966 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนักผลประมาณ 0.7 ถึง 2.50 กก.