การเกษตรเรื่องการเพาะกล้ามะเขือเทศ
สภาพอากาศที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของมะเขือเทศคือฤดูหนาวอุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 18-28 องศาเซลเซียส จะทำให้ลำต้นแข็งแรงและติดผลมาก แต่ถ้าความชื้นของอากาศและอุณหภูมิสูงจะทำให้คุณภาพและผลผลิตทางการเกษตรลดลง และทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ง่าย นั่นก็คือฤดูฝน แต่ถ้าเกษตรกรที่ต้องปลูกมะเขือเทศในฤดูฝนควรปฏิบัติดังนี้ พื้นที่ ๆ ปลูกต้องสูงมีการระบายน้ำได้ดี ดินต้องมีค่ความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 6.5 – 6.8 เกษตรกรต้องเลือกพันธุ์มะเขือเทศให้เหมาะสม คือ พันธุ์ที่ให้ผลดกในฤดูฝนและฤดูร้อน ต้องมีการดูแลและป้องกันโรคอย่างถูกวิธี ควรฉีดพ่นสารป้องกันโรคและแมลงให้มากกว่าปกติ
การเพาะกล้ามะเขือเทศ ทำได้ 2 วิธี คือ
การเพาะด้วยกระบะ นำดินที่จะเพาะต้นกล้ามะเขือเทศไปอบฆ่าเชื้อโรคเสียก่อน ซึ่งสารเคมีที่ใช้อบดิน ได้แก่ เมทิลโบรโมด์ คลอโรพิคริน หรือจะใช้เมอร์คิวริคคลอไรด์ผสมกับน้ำ ในอัตรา 1:2,000 นำไปรดดินที่จะเพาะ แล้วทิ้งไว้ 2 อาทิตย์ก่อนทำการเพาะต้นกล้า หรือจะใช้วิธีตากดินที่จะนำมาเพาะต้นกล้าไว้ประมาณ 3-4 อาทิตย์ นำดิน 3 ส่วน ทรายหรือแกลบและปุ๋ยคอก 1 ส่วน ผสมลงในกระบะที่เตรียไว้ให้เข้ากันจากนั้นปรับดินให้เรียบ แล้วโรยเมล็ดมะเขือเทศที่เตรียมไว้ลงไปเป็นแถว ๆ เว้นระยะห่างแต่ล่ะแถวประมาณ 5-7 ซม. กลบเมล็ดด้วยทรายหรือแกลบบาง ๆ จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มแล้วจึงนำสารเคมีฆ่าแมลงผสมกับน้ำแล้วรดอีกรอบ เมื่อต้นกล้ามีอายุได้ประมาณ 15 วันให้นำต้นลงถุงพลาสติกสีดำที่เตรียมไว้ และเมื่อต้นกล้ามีอายุได้ประมาณ 30-40 วัน ให้ทำการย้ายต้นกล้าลงแปลงปลูก (ก่อนที่จะนำต้นกล้าลงแปลงปลูกควรงดให้น้ำต้นกล้า 1 วัน ใช้มืดกรีดที่ถุงแล้วทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วันก่อนค่อยนำต้นกล้าลงแปลงปลูก) การเพาะด้วยวิธีนี้เหมะสำหรับผู้ที่ต้องการต้นกล้าน้อย และแข็งแรง
การเพาะด้วยแปลงเพาะ นำดิน 3 ส่วน ผสมกับ ทรายและปุ๋ยคอก 1 ส่วน ให้เข้ากัน จากนั้นนำเมล็ดมะเขือเทศที่เตรียมไว้โรยให้เป็นแถวลงไปในแปลงที่เตรียมไว้ แปลงเพาะควรเปิดให้ต้นกล้าได้รับแสงแดดถึงตอนสามโมงเช้าจากนั้นให้เปิดแปลงเาพอีกที่ตอนสี่โมงเย็น เว้นระยะห่างประมาณ 10 ซม. พอต้นกล้าได้อายุประมาณ 20-25 วัน ให้ย้ายต้นกล้าที่ได้ลงแปลงปลูก